เมนู

กถาว่าด้วยการสร้างธรรมปราสาท



[178] อานนท์ ครั้งนั้นแล พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีพระดำริ
อย่างนี้ว่า ถ้ากระไร เราพึงให้สร้างป่าตาลที่แล้วไปด้วยทองทั้งหมด ใกล้
ประตูเรือนยอดหลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่ที่เรานั่งพักผ่อนตอนกลางวัน. อานนท์
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงให้สร้างป่าตาลที่แล้วไปด้วยทองทั้งหมด ใกล้ประตู
เรือนยอดหลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์ประทับนั่งพักผ่อนตอนกลางวันแล้ว.
อานนท์ ธรรมปราสาทแวดล้อมไปด้วยไพทีสองชั้น คือชั้นหนึ่งแล้วไปด้วย
ทอง อีกชั้นหนึ่ง แล้วไปด้วยเงิน. แม่บันไดของไพทีที่แล้วไปด้วยทอง
ก็สำเร็จไปด้วยทอง ขั้นและพนักสำเร็จไปด้วยเงิน. แม่บันไดของไพทีที่แล้วไป
ด้วยเงิน ก็สำเร็จไปด้วยเงิน ขั้นและพนักเอาทองมาทำ. อานนท์ ธรรมปราสาท
แวดล้อมไปด้วยข่าย ลูกกระพรวนสองข่าย คือข่ายหนึ่งเป็นข่ายทอง อีกข่าย
หนึ่งเป็นข่ายเงิน. ข่ายทอง แขวนกระดึงเงิน. ข่ายเงิน แขวนกระดึงทอง.
อานนท์ เมื่อข่ายกระดึง เหล่านั้นแล ถูกลมพัด ก็มีเสียงไพเราะน่าใคร่
ทำให้คึกคักและน่าหลงใหลด้วย. อานนท์ เสียงดนตรีมีองค์ 5 ที่นักดนตรี
ผู้ฉลาดปรับดีแล้ว ประโคมดีแล้ว บรรเลงดีแล้ว เป็นเสียงไพเราะน่าใคร่
ทำให้คึกคัก และชักให้หลงใหล แม้ฉันใด อานนท์ เมื่อข่ายกระดึง เหล่า
นั้นแลถูกลมพัด ก็มีเสียงไพเราะน่าใคร่ ทำให้คึกคักและชักให้หลงใหล
ฉันนั้นเหมือนกัน. อานนท์ ก็ส่วนพวกนักเลง นักเล่น พวกนักดื่มคอเหล้า
แห่งกรุงกุสาวดี สมัยนั้น ต่างพากันคลอเสียงตามเสียงข่ายกระดึง ที่ถูกลมพัด
เหล่านั้น. อานนท์ ธรรมปราสาทที่สร้างแล้วนั่นแล เพ่งดูไม่ได้ ทำให้
ตาพร่า. เหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นสู่นภาบนท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆฝน
บริสุทธิ์ ส่องจ้าในสรทสมัยเดือนท้ายฤดูฝน เพ่งดูไม่ได้ทำให้ตาพร่า ฉันใด
ธรรมปราสาทก็ฉะนั้นเหมือนกัน ยากที่จะดู ย่อมทำนัยน์ตาให้พร่าพราย.